✅ บทความนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว
KEY POINTS:
Table of Contents
Fluoxetine คือยาอะไร?
ชื่อทางการค้าของ Fluoxetine
การออกฤทธิ์ของยา Fluoxetine
รูปแบบของยา Fluoxetine
วิธีใช้ยา Fluoxetine และปริมาณที่เหมาะสม
ข้อควรระวังในการใช้ยา Fluoxetine
ผลข้างเคียงและอาการแพ้ยา Fluoxetine
ยาที่ไม่ควรใช้ร่วมกับยา Fluoxetine
ใช้ยา Fluoxetine เกินขนาดควรทำอย่างไร?
ลืมกินยา Fluoxetine ควรทำอย่างไร?
การเก็บรักษายา Fluoxetine
การหยุดยา Fluoxetine
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยา Fluoxetine
ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine) เป็นกลุ่มยาทางจิตเวช จัดอยู่ในกลุ่มยา SSRIs (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors) หรือยาต้านเศร้า (Antidepressant) ใช้รักษาผู้ป่วยหลายโรค เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวลทั่วไป โรคแพนิค โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคบูลิเมีย เนอโวซา ซึ่งเป็นโรคที่มีภาวะผิดปกติในการรับประทานอาหาร ในบางกรณียา Fluoxetine จะใช้ร่วมกับยา Olanzapine เพื่อรักษาระยะแมเนียในผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ได้อีกด้วย
ชื่อทางการค้าของยา Fluoxetine คือ Fulox, Oxetine, Anzac, Fluzac, Prozac ขนาดเม็ดละ 20 มิลลิกรัม
กลไกของยาคือตัวยาจะไปยับยั้งการดูดซึมกลับของสารสื่อประสาทหรือ Serotonin ทำให้มีปริมาณ Serotonin ในช่องว่างระหว่างเซลล์ประสาทมากขึ้นและนานขึ้น เป็นการเพิ่ม Serotonin ในร่างกาย เนื่องจากพบว่าโรคจิตเวชหลายโรคเกิดจากสาร Serotonin ในร่างกายต่ำ ในหลายๆ ส่วนที่แตกต่างกัน เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคซึมเศร้า โรคแพนิค โรคบูลิเมียหรือเบื่ออาหาร หรือภาวะซึมเศร้าในกลุ่มผู้สูงอายุ
มีทั้งรูปแบบแคปซูลและแบบยาเม็ด ขนาดเม็ดละ 20 มิลลิกรัม
อาการผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น
อาการแพ้ยา Fluoxetine ควรหยุดยาแล้วไปพบแพทย์ ดังนี้
อาการที่แสดงออกในแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป ให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติต่างๆ เช่น อาเจียน สั่น ง่วงนอน ชัก ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ปัญหาเกี่ยวกับปอด
ให้งดยามื้อนั้นไปและเริ่มกินใหม่ในมื้อถัดไปโดยไม่ต้องเพิ่มยา ห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่าในมื้อถัดไป
ควรเก็บยาในภาชนะเดิมที่ได้รับมา เช่น ในแผงยา โดยให้แกะออกมาเมื่อจะทานในแต่ละครั้งเท่านั้น ควรเก็บรักษายา Fluoxetine ในที่แห้งและไม่ควรเก็บยาในที่โดนแสง หรือมีอุณหภูมิสูงเกิน 30 องศา หรือมีความร้อนหรือชื้นมากเกินไป นอกจากนี้ควรเก็บยาให้พ้นจากสายตาและมือเด็กเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ข้อควรปฏิบัติในการใช้ยา Fluoxetine ที่สำคัญคือห้ามลดปริมาณยาหรือห้ามหยุดกินยาเอง เพราะจะมีผลต่ออาการของโรคกำเริบและทำให้เกิดอาการถอนยาได้
ยา Fluoxetine จัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย คือยาที่ต้องผ่านการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์ เภสัชกร ก่อนใช้ยา สามารถหาซื้อตามร้านขายยาโดยปรึกษาเภสัชกรได้ แต่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์
ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะสั่งให้ทานวันละครั้งในมื้อเช้าพร้อมอาหารเพื่อลดอาการคลื่นไส้ ถ้าในผู้ป่วยที่ทานแล้วง่วงให้ทานตอนมื้อเย็น โดยทั่วไปถ้าทาน 1-2 อาทิตย์หรือ 1 เดือนแล้วอาการไม่ดีขึ้นจะมีการเพิ่มเป็น 2 เม็ด เช้า-เที่ยง หรือทาน 2 เม็ดพร้อมกันในตอนเช้า
สามารถกินก่อนนอนได้ในกรณีที่ทานแล้วมีอาการข้างเคียงคือง่วงซึม แพทย์จะให้ทานในตอนเย็นหรือก่อนนอน
สำหรับผู้ที่มีภาวะหลังอสุจิเร็วกว่าปกติสามารถใช้ยา Fluoxetine เพื่อช่วยยืดระยะเวลาในการถึงจุดสุดยอดออกไปได้ โดยควรอยู่ในความดูแลของแพทย์เพื่อปรับเพิ่มและลดขนาดยาก่อนรับประทาน
ซื้อได้ตามร้านขายยาที่มีเภสัชกรแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาและปริมาณยา แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา ไม่ควรหาซื้อยาทานเองหรือใช้ยาของบุคคลอื่น
สามารถรับประทานทีละครึ่งเม็ดได้ หากเป็นปริมาณที่เหมาะสมซึ่งจะต้องได้รับคำสั่งจากแพทย์เท่านั้น
โดยปกติจะให้รับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีในตอนเช้า แต่ในผู้ป่วยที่พบว่าทานยาแล้วมีอาการง่วงซึมก็สามารถทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีในมื้อเย็นได้
✅ ตรวจสอบข้อมูลโดย
ทีมเภสัชกรของ Raksa
ปรึกษาเภสัชกรผ่านแอป Raksa
แหล่งข้อมูล
✅ บทความนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว
KEY POINTS:
Table of Contents
Fluoxetine คือยาอะไร?
ชื่อทางการค้าของ Fluoxetine
การออกฤทธิ์ของยา Fluoxetine
รูปแบบของยา Fluoxetine
วิธีใช้ยา Fluoxetine และปริมาณที่เหมาะสม
ข้อควรระวังในการใช้ยา Fluoxetine
ผลข้างเคียงและอาการแพ้ยา Fluoxetine
ยาที่ไม่ควรใช้ร่วมกับยา Fluoxetine
ใช้ยา Fluoxetine เกินขนาดควรทำอย่างไร?
ลืมกินยา Fluoxetine ควรทำอย่างไร?
การเก็บรักษายา Fluoxetine
การหยุดยา Fluoxetine
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยา Fluoxetine
ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine) เป็นกลุ่มยาทางจิตเวช จัดอยู่ในกลุ่มยา SSRIs (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors) หรือยาต้านเศร้า (Antidepressant) ใช้รักษาผู้ป่วยหลายโรค เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวลทั่วไป โรคแพนิค โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคบูลิเมีย เนอโวซา ซึ่งเป็นโรคที่มีภาวะผิดปกติในการรับประทานอาหาร ในบางกรณียา Fluoxetine จะใช้ร่วมกับยา Olanzapine เพื่อรักษาระยะแมเนียในผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ได้อีกด้วย
ชื่อทางการค้าของยา Fluoxetine คือ Fulox, Oxetine, Anzac, Fluzac, Prozac ขนาดเม็ดละ 20 มิลลิกรัม
กลไกของยาคือตัวยาจะไปยับยั้งการดูดซึมกลับของสารสื่อประสาทหรือ Serotonin ทำให้มีปริมาณ Serotonin ในช่องว่างระหว่างเซลล์ประสาทมากขึ้นและนานขึ้น เป็นการเพิ่ม Serotonin ในร่างกาย เนื่องจากพบว่าโรคจิตเวชหลายโรคเกิดจากสาร Serotonin ในร่างกายต่ำ ในหลายๆ ส่วนที่แตกต่างกัน เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคซึมเศร้า โรคแพนิค โรคบูลิเมียหรือเบื่ออาหาร หรือภาวะซึมเศร้าในกลุ่มผู้สูงอายุ
มีทั้งรูปแบบแคปซูลและแบบยาเม็ด ขนาดเม็ดละ 20 มิลลิกรัม
อาการผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น
อาการแพ้ยา Fluoxetine ควรหยุดยาแล้วไปพบแพทย์ ดังนี้
อาการที่แสดงออกในแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป ให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติต่างๆ เช่น อาเจียน สั่น ง่วงนอน ชัก ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ปัญหาเกี่ยวกับปอด
ให้งดยามื้อนั้นไปและเริ่มกินใหม่ในมื้อถัดไปโดยไม่ต้องเพิ่มยา ห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่าในมื้อถัดไป
ควรเก็บยาในภาชนะเดิมที่ได้รับมา เช่น ในแผงยา โดยให้แกะออกมาเมื่อจะทานในแต่ละครั้งเท่านั้น ควรเก็บรักษายา Fluoxetine ในที่แห้งและไม่ควรเก็บยาในที่โดนแสง หรือมีอุณหภูมิสูงเกิน 30 องศา หรือมีความร้อนหรือชื้นมากเกินไป นอกจากนี้ควรเก็บยาให้พ้นจากสายตาและมือเด็กเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ข้อควรปฏิบัติในการใช้ยา Fluoxetine ที่สำคัญคือห้ามลดปริมาณยาหรือห้ามหยุดกินยาเอง เพราะจะมีผลต่ออาการของโรคกำเริบและทำให้เกิดอาการถอนยาได้
ยา Fluoxetine จัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย คือยาที่ต้องผ่านการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์ เภสัชกร ก่อนใช้ยา สามารถหาซื้อตามร้านขายยาโดยปรึกษาเภสัชกรได้ แต่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์
ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะสั่งให้ทานวันละครั้งในมื้อเช้าพร้อมอาหารเพื่อลดอาการคลื่นไส้ ถ้าในผู้ป่วยที่ทานแล้วง่วงให้ทานตอนมื้อเย็น โดยทั่วไปถ้าทาน 1-2 อาทิตย์หรือ 1 เดือนแล้วอาการไม่ดีขึ้นจะมีการเพิ่มเป็น 2 เม็ด เช้า-เที่ยง หรือทาน 2 เม็ดพร้อมกันในตอนเช้า
สามารถกินก่อนนอนได้ในกรณีที่ทานแล้วมีอาการข้างเคียงคือง่วงซึม แพทย์จะให้ทานในตอนเย็นหรือก่อนนอน
สำหรับผู้ที่มีภาวะหลังอสุจิเร็วกว่าปกติสามารถใช้ยา Fluoxetine เพื่อช่วยยืดระยะเวลาในการถึงจุดสุดยอดออกไปได้ โดยควรอยู่ในความดูแลของแพทย์เพื่อปรับเพิ่มและลดขนาดยาก่อนรับประทาน
ซื้อได้ตามร้านขายยาที่มีเภสัชกรแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาและปริมาณยา แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา ไม่ควรหาซื้อยาทานเองหรือใช้ยาของบุคคลอื่น
สามารถรับประทานทีละครึ่งเม็ดได้ หากเป็นปริมาณที่เหมาะสมซึ่งจะต้องได้รับคำสั่งจากแพทย์เท่านั้น
โดยปกติจะให้รับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีในตอนเช้า แต่ในผู้ป่วยที่พบว่าทานยาแล้วมีอาการง่วงซึมก็สามารถทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีในมื้อเย็นได้
✅ ตรวจสอบข้อมูลโดย
ทีมเภสัชกรของ Raksa
ปรึกษาเภสัชกรผ่านแอป Raksa
แหล่งข้อมูล