Acyclovir (อะไซโคลเวียร์) คือยาอะไร เช็คสรรพคุณ วิธีการใช้ ข้อควรระวัง | Raksa

MOBILE

ผู้เขียน
Raksa Content Team

อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir)

✅ บทความนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว


KEY POINTS:


  • อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสจำพวกเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus) ต้นเหตุของโรคเริม โรคงูสวัด และโรคอีสุกอีใส

  • ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ Acycolvir หรือยาในกลุ่มเดียวกัน เช่น Valaciclovir ห้ามใช้ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) โดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงเช่นเดียวกัน

  • หากมีอาการแพ้ยา Acyclovir เช่น ผื่นลมพิษ ผิวและตามีสีเหลือง เลือดออกบริเวณผิวหนังมากผิดปกติ ชัก เป็นลม หายใจติดขัด แน่นหน้าอก เลือดออกขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะน้อยกว่าปกติ เห็นภาพหลอน เป็นต้น ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ในทันที



Table of Contents
ยา Acyclovir คืออะไร?
ชื่อทางการค้า Acyclovir
การออกฤทธิ์ของยา Acyclovir
รูปแบบของยา Acyclovir
ยา Acyclovir ราคาประมาณเท่าไหร่
วิธีใช้ยา Acyclovir และปริมาณที่เหมาะสม
ข้อควรระวังในการใช้ยา Acyclovir
ผลข้างเคียงและอาการแพ้ยา Acyclovir
ยาที่ไม่ควรใช้ร่วมกับยา Acyclovir
ใช้ยา Acyclovir เกินขนาดควรทำอย่างไร?
ลืมใช้ยา Acyclovir ควรทำอย่างไร?
การเก็บรักษายา Acyclovir
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยา Acyclovir


ยา Acyclovir คืออะไร?


ยาอะไซโคลเวียร์ หรือ Acyclovir เป็นยาที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อไวรัสได้หลายชนิด โดยเฉพาะเชื้อไวรัสจำพวกเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus) หรือ HSV-1 และ HSV-2 และ Varicella virus ที่ผิวหนังเยื่อบุต่างๆ เช่น โรคเริม โรคงูสวัด และโรคอีสุกอีใส ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีโครงสร้างคล้ายกันกับ Purine nucleoside ที่เข้าไปรบกวนการสร้างและสังเคราะห์สารทางพันธุกรรม (DNA) ของเชื้อไวรัส ช่วยให้เชื้อไวรัสอ่อนกำลังลง ทำให้อาการป่วยหายไวขึ้น ลดอาการเจ็บปวดหรือคันบริเวณแผลที่เกิดจากไวรัส นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ตัวยา Acyclovir ยังช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายอีกด้วย


ชื่อทางการค้า Acyclovir


ยา Acyclovir รักษาเริม งูสวัด อีสุกอีใส

ชื่อมาตรฐานคือ Acyclovir หรือ BNN และ rINN มีชื่อสามัญทางยาในภาษาไทยว่า อะไซโคลเวียร์ และมีชื่อทางการค้าว่า อะไซเวียร์ (Acyvir), เอซีวี (A.C.V.), อะโซแวกซ์ (Azovax), ไคลโนเวียร์ (Clinovir), โคลวิน (Clovin), โคลวิรา (Clovira), โคลเซอร์ (Colsor), โคเวียร์ (Covir), ไซโคลแรกซ์ (Cyclorax), ดีโคลเวียร์ (Declovir), เอนเทียร์ (Entir), ฟาเลิร์ม (Falerm), ไวเวียร์ (Vivir), ไวโซ (Vizo), เซวิน (Zevin), โซโควิน (Zocovin), โซวิแรกซ์ (Zovirax) ฯลฯ


การออกฤทธิ์ของยา Acyclovir


ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex) ที่บริเวณผิวหนังและเยื่อบุเมือก (Mucous membrane) เช่น โรคเริม โรคงูสวัด โรคอีสุกอีใส เป็นต้น โดยจะช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสชนิด Herpes simplex virus 1 (HSV-1) ได้มากที่สุด และรองลงมาเป็นเชื้อไวรัสชนิด Herpes simplex virus 2 (HSV-2) รวมไปถึงเชื้อไวรัส VZV, EBV และ CMV ตามลําดับ


รูปแบบของยา Acyclovir


ประเทศไทยมีรูปแบบของยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) จำหน่าย ทั้งรูปแบบยาเม็ด ยาฉีด ยาป้ายตา ยาทาผิวหนังเฉพาะที่ในระดับความเข้มข้นของตัวยา 5%


ยา Acyclovir ราคาประมาณเท่าไหร่


จากการสำรวจราคากลาง มักขึ้นอยู่กับขนาดบรรจุและรูปแบบของยา โดยพบว่ารูปแบบเม็ดขนาดบรรจุ 200 มิลลิกรัม ราคาเริ่มต้นที่ 3 บาท


buy medication on Raksa app

วิธีใช้ยา Acyclovir และปริมาณที่เหมาะสม


ยา Acyclovir สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ปริมาณไม่เท่ากัน

ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) มีวิธีใช้รักษาโรค และใช้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยแบ่งตามช่วงวัย ดังนี้


สำหรับผู้ใหญ่


รักษาโรคเริม


  • การรักษาเบื้องต้นหรือเป็นครั้งแรก: รับประทานยา Acyclovir 200 มิลลิกรัม ทุกๆ 5 ครั้งต่อวัน ห่างกันทุกๆ 4 ชั่วโมง (งดช่วงเวลานอน) ติดต่อกันประมาณ 10 วัน
  • การรักษาเมื่อเกิดซ้ำ: รับประทานยา Acyclovir 200 มิลลิกรัม ทุกๆ 5 ครั้งต่อวัน ห่างกันทุกๆ 4 ชั่วโมง (งดช่วงเวลานอน) ติดต่อกันประมาณ 5 วัน
  • การรักษาอาการเรื้อรัง: รับประทานยา Acyclovir 400 มิลลิกรัม ทุกๆ 12 ชั่วโมง หรือ 200 มิลลิกรัม วันละ 2-3 ครั้ง ต่อเนื่องไปประมาณ 12 เดือน

รักษาโรคอีสุกอีใส


  • รับประทานยา Acyclovir 800 มิลลิกรัม ทุกๆ 5 ครั้งต่อวัน ห่างกันทุกๆ 4 ชั่วโมง (งดช่วงเวลานอน) ติดต่อกัน 7 วัน โดยให้เริ่มรับประทานยาทันทีที่มีอาการ

สำหรับเด็ก


รักษาโรคเริม


  • เด็กอายุ 2 ปีขึ้น ควรให้ยาในขนาดยาที่เท่ากับผู้ใหญ่
  • เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ควรลดปริมาณยาลงครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่

รักษาโรคอีสุกอีใส


จะเป็นการให้ยาตามน้ำหนักตัวของเด็ก คือ ยา Acyclovir 20 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมแต่ไม่เกิน 800 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งคร่าวๆ ตามช่วงอายุได้ ดังนี้


  • เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี รับประทานยา Acyclovir 200 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง
  • เด็กอายุ 2-6 ปี รับประทานยา Acyclovir 400 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง
  • เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป รับประทานยา Acyclovir 800 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง

ข้อควรระวังในการใช้ยา Acyclovir


  • ยา Acyclovir เป็นยาที่ส่งผลกระทบต่อไตโดยตรง ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตหรือมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับไต ต้องแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนทุกครั้ง

  • ยา Acyclovir เป็นยาที่สามารถส่งผลให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดขนาดเล็กในร่างกายได้ หรือที่เรียกว่า Thrombotic Thrombocytopenic Purpura (TTP) และอาการเม็ดเลือดแดงแตก Hemolytic Uremic Syndrome (HUS) ได้ ดังนั้นให้สังเกตอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อย หมดแรง

  • ในผู้ที่เป็นโรคเริม แม้จะรับประทานยา Acyclovir อยู่ก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ เพราะตัวยาช่วยลดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อ แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100%

  • ผู้ที่มีอาการแพ้ยา Acyclovir ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด และควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบ

  • ระมัดระวังการใช้ยา Acyclovir ในผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป

  • ระมัดระวังการใช้ยา Acyclovir ในหญิงตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้นกันต่ำ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูก ฯลฯ จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อพิจารณาปริมาณยา Acyclovir ที่ปลอดภัยที่สุด

ผลข้างเคียงและอาการแพ้ยา Acyclovir


อาการข้างเคียงทั่วไปของยา Acyclovir ดังนี้


  • ท้องเสีย
  • อาเจียน
  • ปวดศีรษะ
  • รู้สึกไม่สบาย ครั่นเนื้อครั่นตัว
  • ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น

อาการแพ้ยา Acyclovir ดังนี้


  • ผื่นขึ้นรุนแรง หรือลมพิษ
  • ผิวและตามีสีเหลือง
  • เลือดออกบริเวณผิวหนังมากผิดปกติ
  • ชัก
  • เป็นลม
  • หายใจติดขัด แน่นหน้าอก
  • เลือดออกขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
  • เห็นภาพหลอน

หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบหยุดยาและไปพบแพทย์ทันที


Consult doctor on Raksa app

ยาที่ไม่ควรใช้ร่วมกับยา Acyclovir


มียาหลายตัวที่ไม่ควรใช้คู่กับ Acyclovir

กลุ่มยาที่ไม่ควรรับประทานร่วมกับยา Acyclovir มีด้วยกันหลายตัว เนื่องจากอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาตัวใดตัวหนึ่งลดลง ทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงขึ้น หรืออาจทำให้ตัวยาอยู่ในร่างกายนานกว่าปกติ ซึ่งตัวยาที่ไม่ควรรับประทานร่วมกับยา Acyclovir เช่น


  • Amphotericin B เป็นยาต้านเชื้อรา
  • Clozapine เป็นยาที่ใช้รักษาโรคจิตเภท
  • Entecavir เป็นยาที่ใช้รักษาไวรัสตับอักเสบบี
  • Gentamicin เป็นยาปฏิชีวนะ ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • Tobramycin เป็นยาปฏิชีวนะ ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • Ibuprofen, Diclofenac, Naproxen เป็นยาในกลุ่ม NSAIDs
  • Probenecid ยารักษาโรคเกาต์

ใช้ยา Acyclovir เกินขนาดควรทำอย่างไร?


หากมีการใช้ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) เกิดขนาด ผู้ป่วยต้องคอยสังเกตอาการว่ามีอาการข้างเคียงและแพ้รุนแรงหรือไม่ เช่น ถ้ามีอาการผื่นลมพิษ ผิวและตามีสีเหลือง เลือดออกบริเวณผิวหนังมากผิดปกติ ชัก เป็นลม หายใจติดขัด แน่นหน้าอก เลือดออกขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะน้อยกว่าปกติ เห็นภาพหลอน ฯลฯ ผู้ป่วยต้องรีบเข้าพบแพทย์โดยทันที


ลืมใช้ยา Acyclovir ควรทำอย่างไร?


กรณีที่ลืมรับประทานยาแนะนำว่า ให้รับประทานในครั้งถัดไปแทน โดยที่ไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือแพ้ยารุนแรงได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องรับประทานเวลาเดิมทุกครั้งเป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันการลืม


การเก็บรักษายา Acyclovir


การเก็บรักษายาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ในเบื้องต้นต้องเก็บในบรรจุภัณฑ์เดิมที่บรรจุมาทีแรก ต้องเก็บในอุณหภูมิ 15-25 องศาเซลเซียส และไม่ควรเก็บในที่ร้อน ชื้น ทั้งนี้เมื่อหมดอายุต้องเก็บทิ้งโดยทันที


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยา Acyclovir


1. Acyclovir ซื้อที่ไหน?


เนื่องจากยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) มีหลายรูปแบบและหลายขนาด จำเป็นต้องปรึกษาเภสัชกรได้ตามร้านขายยาก่อนซื้อใช้เองทุกครั้ง


2. Acyclovir cream คือยาอะไร?


Acyclovir cream เป็นยาชนิดครีมทาผิวที่มีตัวยา Acyclovir ช่วยในเรื่องการลดอาการปวด และทำให้แผลหายไวขึ้น แต่ไม่ช่วยฆ่าเชื้อหรือลดปริมาณเชื้อ


3. แพ้ Acyclovir ใช้อะไรแทน?


สำหรับผู้ที่แพ้ Acyclovir สามารถใช้ยา Famcyclovir และ Valacyclovir แทนได้


4. ยา Acyclovir กินยังไง?


เบื้องต้นแพทย์จะจ่ายยาให้ในปริมาณที่เหมาะสมกับอาการของโรคและช่วงวัย โดยทั่วไปจะให้รับประทานในปริมาณ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 5 วัน เป็นต้น หรือให้รับประทานตามที่แพทย์และเภสัชกรกำหนดอย่างเคร่งครัด


5. ยา Acyclovir แบบทาและแบบกินต่างกันอย่างไร?


แบบรับประทานสามารถใช้ได้หลายขนาด เช่น 200 400 800 มิลลิกรัม ส่วนยาแบบทาจะมีระดับความเข้มข้น 3%-5% ซึ่งรูปแบบรับประทานจะให้ประสิทธิภาพดีกว่าแบบทา ทั้งความคุ้มค่า ความสะดวก และผลลัพธ์ที่ดีกว่า




✅ ตรวจสอบข้อมูลโดย


ทีมเภสัชกรของ Raksa
ปรึกษาเภสัชกรผ่านแอป Raksa




แหล่งข้อมูล


ผู้เขียน
Raksa Content Team

อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir)

✅ บทความนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว


KEY POINTS:


  • อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสจำพวกเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus) ต้นเหตุของโรคเริม โรคงูสวัด และโรคอีสุกอีใส

  • ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ Acycolvir หรือยาในกลุ่มเดียวกัน เช่น Valaciclovir ห้ามใช้ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) โดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงเช่นเดียวกัน

  • หากมีอาการแพ้ยา Acyclovir เช่น ผื่นลมพิษ ผิวและตามีสีเหลือง เลือดออกบริเวณผิวหนังมากผิดปกติ ชัก เป็นลม หายใจติดขัด แน่นหน้าอก เลือดออกขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะน้อยกว่าปกติ เห็นภาพหลอน เป็นต้น ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ในทันที



Table of Contents
ยา Acyclovir คืออะไร?
ชื่อทางการค้า Acyclovir
การออกฤทธิ์ของยา Acyclovir
รูปแบบของยา Acyclovir
ยา Acyclovir ราคาประมาณเท่าไหร่
วิธีใช้ยา Acyclovir และปริมาณที่เหมาะสม
ข้อควรระวังในการใช้ยา Acyclovir
ผลข้างเคียงและอาการแพ้ยา Acyclovir
ยาที่ไม่ควรใช้ร่วมกับยา Acyclovir
ใช้ยา Acyclovir เกินขนาดควรทำอย่างไร?
ลืมใช้ยา Acyclovir ควรทำอย่างไร?
การเก็บรักษายา Acyclovir
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยา Acyclovir


ยา Acyclovir คืออะไร?


ยาอะไซโคลเวียร์ หรือ Acyclovir เป็นยาที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อไวรัสได้หลายชนิด โดยเฉพาะเชื้อไวรัสจำพวกเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus) หรือ HSV-1 และ HSV-2 และ Varicella virus ที่ผิวหนังเยื่อบุต่างๆ เช่น โรคเริม โรคงูสวัด และโรคอีสุกอีใส ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีโครงสร้างคล้ายกันกับ Purine nucleoside ที่เข้าไปรบกวนการสร้างและสังเคราะห์สารทางพันธุกรรม (DNA) ของเชื้อไวรัส ช่วยให้เชื้อไวรัสอ่อนกำลังลง ทำให้อาการป่วยหายไวขึ้น ลดอาการเจ็บปวดหรือคันบริเวณแผลที่เกิดจากไวรัส นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ตัวยา Acyclovir ยังช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายอีกด้วย


ชื่อทางการค้า Acyclovir


ยา Acyclovir รักษาเริม งูสวัด อีสุกอีใส

ชื่อมาตรฐานคือ Acyclovir หรือ BNN และ rINN มีชื่อสามัญทางยาในภาษาไทยว่า อะไซโคลเวียร์ และมีชื่อทางการค้าว่า อะไซเวียร์ (Acyvir), เอซีวี (A.C.V.), อะโซแวกซ์ (Azovax), ไคลโนเวียร์ (Clinovir), โคลวิน (Clovin), โคลวิรา (Clovira), โคลเซอร์ (Colsor), โคเวียร์ (Covir), ไซโคลแรกซ์ (Cyclorax), ดีโคลเวียร์ (Declovir), เอนเทียร์ (Entir), ฟาเลิร์ม (Falerm), ไวเวียร์ (Vivir), ไวโซ (Vizo), เซวิน (Zevin), โซโควิน (Zocovin), โซวิแรกซ์ (Zovirax) ฯลฯ


การออกฤทธิ์ของยา Acyclovir


ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex) ที่บริเวณผิวหนังและเยื่อบุเมือก (Mucous membrane) เช่น โรคเริม โรคงูสวัด โรคอีสุกอีใส เป็นต้น โดยจะช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสชนิด Herpes simplex virus 1 (HSV-1) ได้มากที่สุด และรองลงมาเป็นเชื้อไวรัสชนิด Herpes simplex virus 2 (HSV-2) รวมไปถึงเชื้อไวรัส VZV, EBV และ CMV ตามลําดับ


รูปแบบของยา Acyclovir


ประเทศไทยมีรูปแบบของยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) จำหน่าย ทั้งรูปแบบยาเม็ด ยาฉีด ยาป้ายตา ยาทาผิวหนังเฉพาะที่ในระดับความเข้มข้นของตัวยา 5%


ยา Acyclovir ราคาประมาณเท่าไหร่


จากการสำรวจราคากลาง มักขึ้นอยู่กับขนาดบรรจุและรูปแบบของยา โดยพบว่ารูปแบบเม็ดขนาดบรรจุ 200 มิลลิกรัม ราคาเริ่มต้นที่ 3 บาท


buy medication on Raksa app

วิธีใช้ยา Acyclovir และปริมาณที่เหมาะสม


ยา Acyclovir สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ปริมาณไม่เท่ากัน

ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) มีวิธีใช้รักษาโรค และใช้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยแบ่งตามช่วงวัย ดังนี้


สำหรับผู้ใหญ่


รักษาโรคเริม


  • การรักษาเบื้องต้นหรือเป็นครั้งแรก: รับประทานยา Acyclovir 200 มิลลิกรัม ทุกๆ 5 ครั้งต่อวัน ห่างกันทุกๆ 4 ชั่วโมง (งดช่วงเวลานอน) ติดต่อกันประมาณ 10 วัน
  • การรักษาเมื่อเกิดซ้ำ: รับประทานยา Acyclovir 200 มิลลิกรัม ทุกๆ 5 ครั้งต่อวัน ห่างกันทุกๆ 4 ชั่วโมง (งดช่วงเวลานอน) ติดต่อกันประมาณ 5 วัน
  • การรักษาอาการเรื้อรัง: รับประทานยา Acyclovir 400 มิลลิกรัม ทุกๆ 12 ชั่วโมง หรือ 200 มิลลิกรัม วันละ 2-3 ครั้ง ต่อเนื่องไปประมาณ 12 เดือน

รักษาโรคอีสุกอีใส


  • รับประทานยา Acyclovir 800 มิลลิกรัม ทุกๆ 5 ครั้งต่อวัน ห่างกันทุกๆ 4 ชั่วโมง (งดช่วงเวลานอน) ติดต่อกัน 7 วัน โดยให้เริ่มรับประทานยาทันทีที่มีอาการ

สำหรับเด็ก


รักษาโรคเริม


  • เด็กอายุ 2 ปีขึ้น ควรให้ยาในขนาดยาที่เท่ากับผู้ใหญ่
  • เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ควรลดปริมาณยาลงครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่

รักษาโรคอีสุกอีใส


จะเป็นการให้ยาตามน้ำหนักตัวของเด็ก คือ ยา Acyclovir 20 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมแต่ไม่เกิน 800 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งคร่าวๆ ตามช่วงอายุได้ ดังนี้


  • เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี รับประทานยา Acyclovir 200 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง
  • เด็กอายุ 2-6 ปี รับประทานยา Acyclovir 400 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง
  • เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป รับประทานยา Acyclovir 800 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง

ข้อควรระวังในการใช้ยา Acyclovir


  • ยา Acyclovir เป็นยาที่ส่งผลกระทบต่อไตโดยตรง ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตหรือมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับไต ต้องแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนทุกครั้ง

  • ยา Acyclovir เป็นยาที่สามารถส่งผลให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดขนาดเล็กในร่างกายได้ หรือที่เรียกว่า Thrombotic Thrombocytopenic Purpura (TTP) และอาการเม็ดเลือดแดงแตก Hemolytic Uremic Syndrome (HUS) ได้ ดังนั้นให้สังเกตอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อย หมดแรง

  • ในผู้ที่เป็นโรคเริม แม้จะรับประทานยา Acyclovir อยู่ก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ เพราะตัวยาช่วยลดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อ แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100%

  • ผู้ที่มีอาการแพ้ยา Acyclovir ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด และควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบ

  • ระมัดระวังการใช้ยา Acyclovir ในผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป

  • ระมัดระวังการใช้ยา Acyclovir ในหญิงตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้นกันต่ำ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูก ฯลฯ จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อพิจารณาปริมาณยา Acyclovir ที่ปลอดภัยที่สุด

ผลข้างเคียงและอาการแพ้ยา Acyclovir


อาการข้างเคียงทั่วไปของยา Acyclovir ดังนี้


  • ท้องเสีย
  • อาเจียน
  • ปวดศีรษะ
  • รู้สึกไม่สบาย ครั่นเนื้อครั่นตัว
  • ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น

อาการแพ้ยา Acyclovir ดังนี้


  • ผื่นขึ้นรุนแรง หรือลมพิษ
  • ผิวและตามีสีเหลือง
  • เลือดออกบริเวณผิวหนังมากผิดปกติ
  • ชัก
  • เป็นลม
  • หายใจติดขัด แน่นหน้าอก
  • เลือดออกขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
  • เห็นภาพหลอน

หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบหยุดยาและไปพบแพทย์ทันที


Consult doctor on Raksa app

ยาที่ไม่ควรใช้ร่วมกับยา Acyclovir


มียาหลายตัวที่ไม่ควรใช้คู่กับ Acyclovir

กลุ่มยาที่ไม่ควรรับประทานร่วมกับยา Acyclovir มีด้วยกันหลายตัว เนื่องจากอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาตัวใดตัวหนึ่งลดลง ทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงขึ้น หรืออาจทำให้ตัวยาอยู่ในร่างกายนานกว่าปกติ ซึ่งตัวยาที่ไม่ควรรับประทานร่วมกับยา Acyclovir เช่น


  • Amphotericin B เป็นยาต้านเชื้อรา
  • Clozapine เป็นยาที่ใช้รักษาโรคจิตเภท
  • Entecavir เป็นยาที่ใช้รักษาไวรัสตับอักเสบบี
  • Gentamicin เป็นยาปฏิชีวนะ ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • Tobramycin เป็นยาปฏิชีวนะ ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • Ibuprofen, Diclofenac, Naproxen เป็นยาในกลุ่ม NSAIDs
  • Probenecid ยารักษาโรคเกาต์

ใช้ยา Acyclovir เกินขนาดควรทำอย่างไร?


หากมีการใช้ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) เกิดขนาด ผู้ป่วยต้องคอยสังเกตอาการว่ามีอาการข้างเคียงและแพ้รุนแรงหรือไม่ เช่น ถ้ามีอาการผื่นลมพิษ ผิวและตามีสีเหลือง เลือดออกบริเวณผิวหนังมากผิดปกติ ชัก เป็นลม หายใจติดขัด แน่นหน้าอก เลือดออกขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะน้อยกว่าปกติ เห็นภาพหลอน ฯลฯ ผู้ป่วยต้องรีบเข้าพบแพทย์โดยทันที


ลืมใช้ยา Acyclovir ควรทำอย่างไร?


กรณีที่ลืมรับประทานยาแนะนำว่า ให้รับประทานในครั้งถัดไปแทน โดยที่ไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือแพ้ยารุนแรงได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องรับประทานเวลาเดิมทุกครั้งเป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันการลืม


การเก็บรักษายา Acyclovir


การเก็บรักษายาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ในเบื้องต้นต้องเก็บในบรรจุภัณฑ์เดิมที่บรรจุมาทีแรก ต้องเก็บในอุณหภูมิ 15-25 องศาเซลเซียส และไม่ควรเก็บในที่ร้อน ชื้น ทั้งนี้เมื่อหมดอายุต้องเก็บทิ้งโดยทันที


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยา Acyclovir


1. Acyclovir ซื้อที่ไหน?


เนื่องจากยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) มีหลายรูปแบบและหลายขนาด จำเป็นต้องปรึกษาเภสัชกรได้ตามร้านขายยาก่อนซื้อใช้เองทุกครั้ง


2. Acyclovir cream คือยาอะไร?


Acyclovir cream เป็นยาชนิดครีมทาผิวที่มีตัวยา Acyclovir ช่วยในเรื่องการลดอาการปวด และทำให้แผลหายไวขึ้น แต่ไม่ช่วยฆ่าเชื้อหรือลดปริมาณเชื้อ


3. แพ้ Acyclovir ใช้อะไรแทน?


สำหรับผู้ที่แพ้ Acyclovir สามารถใช้ยา Famcyclovir และ Valacyclovir แทนได้


4. ยา Acyclovir กินยังไง?


เบื้องต้นแพทย์จะจ่ายยาให้ในปริมาณที่เหมาะสมกับอาการของโรคและช่วงวัย โดยทั่วไปจะให้รับประทานในปริมาณ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 5 วัน เป็นต้น หรือให้รับประทานตามที่แพทย์และเภสัชกรกำหนดอย่างเคร่งครัด


5. ยา Acyclovir แบบทาและแบบกินต่างกันอย่างไร?


แบบรับประทานสามารถใช้ได้หลายขนาด เช่น 200 400 800 มิลลิกรัม ส่วนยาแบบทาจะมีระดับความเข้มข้น 3%-5% ซึ่งรูปแบบรับประทานจะให้ประสิทธิภาพดีกว่าแบบทา ทั้งความคุ้มค่า ความสะดวก และผลลัพธ์ที่ดีกว่า




✅ ตรวจสอบข้อมูลโดย


ทีมเภสัชกรของ Raksa
ปรึกษาเภสัชกรผ่านแอป Raksa




แหล่งข้อมูล